![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-NAC-2024-Web-1-1024x538.png)
เลือกอ่านตามหัวข้อ
คุณกำลังประเมิน AI ต่ำไปหรือไม่ ? ส่องสถานการณ์ AI โลก ก่อนย้อนมองไทย
บรรยากาศของ AI ในโลกการทำงานตอนนี้คล้ายกับยุคก่อนออโตเมชันที่เริ่มนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแทนที่แรงงานกลุ่ม Blue collar แต่ในยุค AI transformation แม้แรงงานกลุ่ม White collar ที่มีความชำนาญ มีสกิลพิเศษบางอย่างยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าความชำนาญที่มีวันนี้ AI ทำแทนคุณได้หรือยัง
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-7_resize-768x432.jpg)
สอดคล้องกับข้อมูลของ ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มงานส่งเสริมระบบนิเวศเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) “ตอนนี้ AI เข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า exponential ด้วยอัตราเร่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในในประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ” ในอดีต Innovation Cycle ของการพัฒนานวัตกรรมในการปฏิวัติอุตสาหกรรมแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30-50 ปี แต่สำหรับ AI เชื่อว่า Innovation Cycle จะสั้นลงเหลือประมาณ 10-20 ปี เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาแม้นักลงทุนทั่วโลกจะประสบปัญหาการลงทุน (Funding winter) แต่ปริมาณการลงทุนด้าน AI กลับเพิ่มขึ้นเกือบ ๆ 2% ของ GDP สหรัฐฯ
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-1-1-768x513.jpg)
โอกาสของ AI ในไทย ท่ามกลางความท้าทาย “อินฟราฯ และ กำลังคน”
สถานการณ์การลงทุนด้าน AI ในประเทศไทย ช่วงปี 2013 – 2022 ประมาณ 50M USD เท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับทั่วโลก อีกทั้งไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการพัฒนา AI ไม่ว่าจะเป็น ด้านกำลังคน AI ที่ขาดแคลนมากกว่า 80,000 อัตรา, ด้านการประยุกต์ใช้งาน AI ที่ ร้อยละ 99 ของ SMEs ในไทยยังไม่ประยุกต์ใช้ AI, ด้านกฏหมาย จริยธรรมต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างศึกษาไม่ให้กฏหมายขัดขวางความก้าวหน้าของการพัฒนานวัตกรรม ในขณะเดียวกันภัยคุกคามจากเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นทุกขณะ, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยังมีราคาสูง เป็นต้น
“อีกทั้งไทยยังมีกลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีน้อย เน้นเป็นผู้นำเข้าเทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งมองอีกมุมก็เป็นโอกาสที่ทำให้คนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยี SME สามารถนำ AI มาทำพัฒนา productivity ได้ง่ายขึ้น ” ดร.ชินาวุธ กล่าว
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช. เล่าว่า ประเทศไทยไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ปัจจุบันไทยมีแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ที่มองการพัฒนา AI ครอบคลุมทุกด้านผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ กฏหมายจริยธรรม การพัฒนากำลังคน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาการวิจัย การส่งเสริมภาคเอกชน ในมุมโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยมีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จาก ThaiSC ที่มีศักยภาพระดับโลก ซึ่งหากมองในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนมีเพียงสิงคโปร์และไทยเท่านั้นที่มีความพร้อมด้านนี้ ซึ่งเป็นโอกาสของไทย
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-3_resize-768x432.jpg)
“นอกจากนี้ในมุมการพัฒนาคน ไม่เฉพาะประเทศไทยที่ขาดแคลนกำลังคนด้าน AI แต่ขาดแคลนทั้งโลก เกิดการแย่งชิงกำลังคนที่มีศักยภาพในด้านนี้จะรุนแรงมากขึ้น ภายใต้แผนฯ ไทยมุ่งพัฒนากำลังคน AI ในทุกระดับ ผ่านหลายโครงการ เช่น หลักสูตร AI Sandbox ของสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineering Institute; AIEI) โครงการ Super AI Engineer สร้างกำลังคน AI โดยใช้เวลาสั้นลงผ่านกิจกรรมในโครงการ ซึ่งตลอด 4 ปีของโครงการมีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมมากกว่าสามหมื่นคน ซึ่งปัจจุบันภายใต้โครงการยังมุ่งศูนย์พัฒนากำลังคน AI ในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย ” ดร.เทพชัย อธิบาย
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-6_resize-768x432.jpg)
“ปัจจุบัน AI ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องปรับใช้ เมื่อก่อน SMEs อาจจะบอกว่า ‘ไม่มีแรงทำ AI หรอก” ซึ่งกลายเป็นข้ออ้างในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึง Generative AI ได้ ดังนั้น ธุรกิจต้องคิดว่า AI จะช่วยอะไรคุณได้บ้าง และเข้าถึง ต้องตามให้ทัน เพราะถ้าไม่ใช้ AI ธุรกิจคุณโดนแซงแน่นอน” ดร.ทัดพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ดร.ทัดพงศ์ มองว่า ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี เห็นว่าคนไทยมีความสามารถมากในการพัฒนาแพลตฟอร์มพัฒนาระบบ AI ถึงแม้ในด้านเงินลงทุน หรือ โครงสร้างพื้นฐานอาจจะยังสู้โดยตรงกับบริษัท Big Tech ไม่ได้ แต่โอกาสอีกทางหนึ่ง คือ การใช้ความสามารถ ความโดดเด่นด้าน AI ภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ ประเทศไทยจะสามารถเป็นเจ้าของได้หรือไม่ ตามแนวคิด Sovereign AI หรือ อธิปไตยปัญญาประดิษฐ์ ที่ยังต้องศึกษากันต่อไป
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-4_resize-1-768x432.jpg)
คุมอนาคต AI ในอยู่ในมือประเทศไทย งานวิจัยต้องตอบโจทย์อุตสาหกรรม
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-5_resize-768x432.jpg)
เมื่อภาคมหาวิทยาลัยเป็นกำลังสำคัญในพัฒนาโปรดักซ์ TRL ตั้งแต่ระดับ 1-6 ซึ่งในระดับสูงไปกว่านั้น คือ ช่วงการผลิตหรือการใช้งานต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีภาคอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นโอกาสและความท้าทายในเวลาเดียวกัน ด้วยปัจจุบันมี AI จากต่างประเทศในระดับแอปพลิเคชันเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงดึงดูดให้ภาคอุตสาหกรรมเน้นการวิจัยในระดับ TRL7 – 8 มากกว่า ในขณะเดียวกันการลงทุนทางด้านบุคลากรในฝั่งมหาวิทยาลัยของไทยในช่วง 20 – 30 ปี ที่ผ่านมาในการสนับสนุนทุนการศึกษาปริญญาโท และ เอกของมหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อกลับมาเป็นอาจารย์ขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นเลิศทางด้านวิชาการใน TRL ระดับ 1 – 3 ดังนั้นการผลักดันงานวิจัยในระดับ TRL4-6 จึงเป็นช่องโหว่ตรงกลางที่ยังเติมไม่เต็ม คาดหวังว่าสวทช.จะเป็นองค์กรหนึ่งที่ช่วยผลักดันผลงานวิจัยในระดับนี้ รวมถึงทุนสนับสนุนจากภาครัฐ ประกอบกับเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยผลักดันงานวิจัยให้ไปสู่ TRL 8-9 ได้
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว รศ.ดร.สรณะ มองว่า มหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรมต้องร่วมมือกันตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อให้ทำงานวิจัยในระดับ TRL 1-3 ให้สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรม ตรงเป้าหมายประเทศ โดยมีสวทช. หรือ แหล่งให้ทุนต่าง ๆ สนับสนุนการนำไปพัฒนาต้นแบบ ข้ามผ่าน valley of death และพัฒนาโปรดักซ์ต่อไป
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-11-768x513.jpg)
“Life long learning” ทางรอดหนึ่งเดียวของมนุษย์ออฟฟิศ ไม่ให้โดน AI แย่งงาน
ดร.ปานรพี เล่าว่า “ในฐานะเจ้าของธุรกิจ ข้อดีของเครื่องมือ AI เหล่านี้ คือ ทำให้เราได้งานมากขึ้น ในขณะที่ใช้เวลาลดลง แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าเมื่อความชำนาญของทุกคนประกอบกับประสิทธิภาพของ AI ทำให้ได้งานเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น งานหนึ่งที่เคยใช้พนักงาน 3 คน อาจจะเหลือคนเดียว แล้วคนที่เหลือจะไปทำอะไร”
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-10-768x513.jpg)
“จากการเสวนา AI Ecosystem ของไทย ต้องถูกขับเคลื่อนคู่ขนานกันไปในหลายมิติ ตั้งแต่ภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม การจัดทำมาตรฐานและกฏหมาย ทำอย่างไรให้ AI มีความน่าเชื่อถือในขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้คนไทยทุกคนขยับเข้าสู่การใช้งาน และ ส่งเสริมการพัฒนา AI ให้ได้ ในส่วนของกำลังคน AI ประเทศไทย ไม่ได้ขาดแคลนเฉพาะฝั่งการพัฒนาเท่านั้น แต่กลุ่มคนที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างผู้พัฒนากับผู้ใช้งานยังมีความต้องการอีกมาก หวังว่าการการเสวนาในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งจะกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเข้ามาเชื่อมระบบนิเวศ AI ประเทศไทย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ นักวิจัยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช.
![](https://ai.in.th/wp-content/uploads/2024/04/AI-TH-NAC-2_resize-768x432.jpg)